แม้อาโมริมจะเจอกับความยากลำบากในการเก็บชัยชนะนับตั้งแต่ย้ายมาจากสปอร์ติ้ง ลิสบอนเมื่อเดือนพฤศจิกายน แต่เขาก็กลายเป็นคนที่แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับฟอร์มของทีมหลายครั้ง

หลังความพ่ายแพ้ต่อไบรท์ตัน 1-3 เมื่อเดือนมกราคม อาโมริมถึงขั้นกล่าวว่า “นี่อาจเป็นทีมแมนฯ ยูไนเต็ดที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์”
ขณะที่หลังพ่ายท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ในรอบชิงยูโรปาลีก เขายังกล่าวว่า พร้อมลาออกโดยไม่ขอค่าชดเชย หากแฟนบอลหรือผู้บริหารคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ในทัวร์หลังจบฤดูกาลที่เอเชีย อาโมริมยังวิจารณ์ลูกทีมอย่างรุนแรงว่า “ขี้ตื่น” หลังแพ้ทีมรวมดาราเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อย่างไรก็ตาม เดอลิกต์ ซึ่งเคยเป็นกัปตันอาแจ็กซ์ชุดเข้ารอบรอง UCL ปี 2019 มองว่านี่คือสิ่งที่ดี โดยเฉพาะสำหรับคนดัตช์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความตรงไปตรงมา
“ผมมาจากฮอลแลนด์ ดังนั้นผมชอบมัน” เดอลิกต์กล่าว
“ผมเข้าใจว่าทำไมสื่อถึงตกใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่มักเกิดขึ้น
แต่ในทางกลับกัน มันก็ดีที่มีคนกล้าพูดความจริง เปิดใจ และพูดอย่างตรงไปตรงมา”

ยูไนเต็ดเพิ่งผ่านฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดในลีกตั้งแต่ปี 1973-74 โดยพลาดโควตายูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รวมถึงไม่ได้เล่นฟุตบอลยุโรปฤดูกาลหน้าเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ปี 1990

แม้จะชนะเพียง 7 นัดในพรีเมียร์ลีกภายใต้การคุมทีมของอาโมริม เดอลิกต์ยังเชื่อว่ากุนซือรายนี้กำลังวางรากฐานบางอย่างที่จะแสดงผลในอนาคต

“เขาใส่ใจในรายละเอียดมาก และก่อนจะเซ็นนักเตะใหม่ เขาดูเรื่องวัฒนธรรมทีมก่อนว่าอะไรควรเปลี่ยน อะไรควรพัฒนา” เดอลิกต์เผย
“เขาต้องการสร้างทีมที่สู้ร่วมกัน ไม่ใช่แค่มีนักเตะเก่งแต่ไร้ความเป็นทีม”